ตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูก สำคัญแค่ไหน

มะเร็งปากมดลูก เป็นอีกหนึ่งมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม และถือว่าเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพผู้หญิง โดยพบว่าในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกเฉลี่ยวันละ 14 คน เพราะฉะนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะช่วยหาความผิดปกติได้ตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อหาทางป้องกันและดูแลรักษาที่เหมาะสม

พญ.ชลิดา เรารุ่งโรจน์ สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวชวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า มะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูง โดยสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยที่สุดได้แก่ สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งการติดเชื้อไวรัส HPV เกือบทั้งหมดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ ฉะนั้นโอกาสการติดเชื้อก็มาจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การมีคู่นอนหลายคน หรือการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นต้น โดยอาการในระยะเริ่มแรกของมะเร็งปากมดลูก คือ  เริ่มจากไม่มีอาการแต่มาตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ,มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด, มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์, หรือมีตกขาวผิดปกติ  ส่วนอาการในมะเร็งระยะลุกลาม ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ขาบวม ต่อมน้ำเหลืองโต ไตวาย ปัสสาวะหรืออุจจาระมีเลือดปน

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจึงเป็นทางเลือกในการป้องกันอย่างหนึ่ง ที่ผู้หญิงทุกคนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ส่วนผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป ปัจจุบันมีวิธีการตรวจ 3 วิธี ได้แก่

  1. แปปสเมียร์ (Pap Smear) คือการป้ายเซลล์จากปากมดลูกบนแผ่นกระจกสไลด์เพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติ
  2. Liquid Based Cytology คือการป้ายเซลล์จากปากมดลูกใส่ในของเหลวเพื่อตรวจหาเซลล์ผิดปกติ ซึ่งให้ผลตรวจที่ชัดเจนมากขึ้น
  3. HPV Testing คือการตรวจหาเชื้อไวรัสสายพันธุ์เสี่ยงสูงต่อมะเร็ง ซึ่งให้ผลตรวจที่ละเอียดมากขึ้น แต่นิยมใช้ควบคู่กับวิธี Liquid Based Cytology

 “ มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งในไม่กี่ชนิดที่สามารถป้องกันได้ โดยการป้องกันที่ดีที่สุด คือการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เพื่อตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะก่อนที่จะเป็นมะเร็ง โดยแนะนำให้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกปีละครั้งในการตรวจโดยวิธี Pap smear และ Liquid base cytology และแนะนำให้ตรวจทุก 3 ปีถ้าใช้วิธีการตรวจหาเชื้อ HPV ส่วนการตรวจภายในเพื่อหาโรคทางนรีเวช ยังแนะนำให้ตรวจทุกปีเหมือนเดิม ” พญ.ชลิดากล่าว

นอกจากนี้ การเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกก็เป็นอีกทางเลือกในการป้องกันมะเร็ง โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 9 ปีขึ้นไป ถ้ามีอายุระหว่าง 9 – 15 ปี แพทย์จะแนะนำให้ฉีด 2 เข็ม ถ้าอายุมากกว่า 15 ปี จนถึง 45 ปี แพทย์จะแนะนำให้ฉีด 3 เข็ม ซึ่งการใช้ปริมาณการฉีดที่แตกต่างกันนั้น เนื่องจากวัคซีนจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็กได้ดีกว่าผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นการที่พ่อแม่พาบุตรหลานมารับวัคซีนตั้งแต่เด็ก การฉีด 2 เข็มจะเพียงพอเท่ากับการฉีด 3 เข็มในเด็กโต หรือผู้ใหญ่ และวัคซีนจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดหากฉีดในคนที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ แต่ในคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วก็ยังสามารถฉีดวัคซีนได้เช่นกัน 

อย่างไรก็ตาม แนวทางการป้องกัน รวมถึงวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ควรให้แพทย์เป็นผู้ให้คำแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลเวชธานี
โทร 02-734-0000 ต่อ 3200

Related Posts

มกราคม 16, 2023

เยื่อพรหมจรรย์ขาด หรือ มะเร็งปากมดลูก

ปัญหาหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้กับคุณผู้หญิง คือการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าช่วงนั้นจะไม่ได้เป็นช่วงที่มีประจำเดือนก็ตาม

ธันวาคม 19, 2023

TACE เคมีบำบัดทางหลอดเลือด ทางเลือกในการรักษามะเร็งตับตรงจุด

โรคมะเร็งตับ เป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศไทย ผู้ป่วยมะเร็งตับมักจะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการมากแล้วหรือเป็นระยะท้ายของโรค ขนาดของก้อนมะเร็งเมื่อตรวจพบมักโตเกินกว่าจะผ่าตัดได้

พฤษภาคม 18, 2023

เป็น ”นิ่วในถุงน้ำดี” แต่ไม่รีบรักษา มีความเสี่ยงเป็น “มะเร็ง” มากกว่าคนทั่วไป

อาการปวดท้องบริเวณด้านขวาบน มักเป็นอาการเสี่ยงของโรคนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งหลายคนเมื่อตรวจเจอแล้ว อาจยังไม่รีบรักษาเพราะคิดว่าอาการปวดที่เป็นยังไม่รุนแรง แต่การเก็บนิ่วในถุงน้ำดีไว้กับตัว นอกจากอาจจะเกิดถุงน้ำดีอักเสบหรือท่อน้ำดีอักเสบในอนาคตแล้ว คนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีที่ขนาดใหญ่ยังมีความเสี่ยงเป็น “โรคมะเร็งถุงน้ำดี” มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งถึงแม้จะเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก แต่มีอัตราการการรอดชีวิตต่ำ เนื่องจากในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อตรวจพบมักจะเข้าสู่ระยะ 3 และ 4 ซึ่งมีการลุกลามไปยังอวัยวะอื่นแล้ว

ที่ตั้งและการเดินทาง​ ที่ตั้งและการเดินทาง​

 

วิธีการเดินทาง

ค้นหาเราบนแผนที่
 

การติดต่อและนัดหมาย​

[email protected]
 

บริการฉุกเฉิน​

เบอร์โทรติดต่อ : 02-734-0000